บรูโน มาร์ส (Bruno Mars) ศิลปินชื่อดังจากอเมริกาที่มีผลงานเพลงฮิตติดหูมากมายเช่น “Just the Way You Are” และ “Leave the Door Open” พร้อมกับความสำเร็จที่ได้รับรางวัลแกรมมี่ถึง 15 รางวัล กำลังจะเดินทางมาแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ที่ประเทศไทยในงาน “Bruno Mars Live In Bangkok” ณ ราชมังคลากีฬาสถาน จำนวน 2 รอบ ในวันที่ 30-31 ซึ่งเป็นความคาดหวังสูงสุดของแฟนๆ ชาวไทย
หลังจากนั้น มาร์สกำลังจะกลับไปแสดงที่ MGM Grand Las Vegas ซึ่งเป็นรีสอร์ตและคาสิโนยักษ์ใหญ่ใจกลางเมืองลาสเวกัส ไม่ใช่เพียงเพราะตารางงานแสดงปกติ แต่เป็นเพราะสัญญาผูกพันระยะยาวที่เขามีกับ MGM Resorts International ซึ่งเป็นเจ้าของเครือกิจการ
เรื่องราวความเป็นมาของมาร์สกับ MGM เริ่มต้นเมื่อมีรายงานจากสื่อต่างประเทศหลายแห่งระบุว่า มาร์สมีหนี้พนันโป๊กเกอร์กับ MGM Casino สูงถึง 50 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1,792 ล้านบาท ตามรายงานของเว็บไซต์ NewsNation และได้ทำข้อตกลงระยะยาวในการหาเงินมาคืนให้กับ MGM Resorts International ตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งหมายความว่ามาร์สได้ทำการร้องเพลงเพื่อปลดหนี้ให้กับคาสิโนดังกล่าวมาเป็นระยะเวลากว่า 9 ปีแล้ว
แหล่งข่าวจากลาสเวกัสกล่าวว่า MGM แทบจะกลายเป็น ‘เจ้าชีวิต’ ในตัวของมาร์ส โดยแม้ค่าตัวของศิลปินดังระดับโลกจะพุ่งขึ้นตามชื่อเสียง แต่หลังจากหักหนี้และภาษี เขาจะได้รับเพียง 1.5 ล้านเหรียญต่อคืน
มาร์สเคยเปิดใจในการสัมภาษณ์กับ James Corden ในรายการ ‘The Late Late Show with James Corden’ ว่า เขาเคยหาเงินเช่าบ้านในลอสแองเจลิสได้ด้วยการเล่นไพ่ และในการสัมภาษณ์กับ GQ เมื่อปี 2013 เขาเผยว่ามักจะไปเล่นการพนันที่ The Commerce Casino & Hotel ในลอสแองเจลิสบ่อยครั้งก่อนที่จะโด่งดัง
“ผมเคยเป็นคนขี้คุย พอคนรู้จักผม เขาก็อยากจะมาเอาเงินคุณไป ถ้าคุณทำให้พวกเขาแพ้ พวกเขาก็จะพุ่งเข้ามาหาคุณ” มาร์สกล่าว และเล่าอีกว่า เขามีประสบการณ์เข้าบ่อนคาสิโนครั้งแรกตอนอายุ 19 ปี และเสียเงินไป 100 เหรียญ
ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีการตอบกลับจากตัวแทนของมาร์สหรือ MGM Resorts เกี่ยวกับกระแสข่าวนี้ แต่เรื่องราวของมาร์สและ MGM ได้เปิดเผยมุมมองใหม่เกี่ยวกับชีวิตของศิลปินระดับโลกที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน
#ข่าวบันเทิง