จากการรายงานของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าใหม่สำหรับเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้แบ่งเป็น 3 แนวทางหลักในการจัดการกับหนี้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้แก่ 1. อัตราค่าไฟฟ้า 5.43 บาทต่อหน่วยเพื่อชำระหนี้ทั้งหมด 99,689 ล้านบาทในงวดเดียว, 2. อัตรา 4.34 บาทต่อหน่วยสำหรับการชำระหนี้ 4 งวด, และ 3. คงอัตราเดิมที่ 4.18 บาทต่อหน่วยสำหรับการชำระหนี้ 7 งวด.
สำนักงานกกพ.จะนำข้อมูลจากการรับฟังความเห็นของประชาชนมาพิจารณาเพื่อเลือกแนวทางที่เหมาะสมที่สุด ก่อนที่คณะกรรมการกกพ.จะประชุมเพื่อตัดสินใจในวันที่ 27 มีนาคม นี้ หลังจากนั้น อัตราค่าไฟฟ้าที่ถูกเลือกจะถูกประกาศใช้อย่างเป็นทางการและให้การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคประกาศผ่านเว็บไซต์เพื่อให้ประชาชนทราบ.
ตามแนวโน้มที่คาดการณ์ไว้, บอร์ดกกพ.อาจเลือกคงอัตราค่าไฟฟ้าไว้ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย ซึ่งเท่ากับงวดปัจจุบัน, เพื่อความเสถียรภาพของค่าไฟฟ้าในประเทศไทย นอกจากนี้, ยังมีการคาดการณ์ว่าอัตรานี้อาจจะใช้ได้ต่อเนื่องไปยังงวดถัดไปหากราคาพลังงานโลกไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก.
กระทรวงพลังงานและกกพ.ยังพิจารณาให้มีส่วนลดค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไม่เกิน 300 หน่วย เช่นเดียวกับงวดปัจจุบัน, โดยผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยจะคิดที่ 3.99 บาทต่อหน่วย และผู้ใช้เกิน 300 หน่วยจะคิดที่ 4.18 บาทต่อหน่วย การสนับสนุนส่วนลดนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของกระทรวงพลังงานที่ต้องหาแหล่งเงินทุนมาชดเชยให้กับประชาชน ล่าสุด, กกพ.ได้หารือกับนายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ, ปลัดกระทรวงพลังงานเพื่อเตรียมการเสนอของบประมาณจากรัฐบาล และจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติในเร็ว ๆ นี้ โดยคาดว่าจะสามารถประกาศใช้ก่อนที่บิลค่าไฟฟ้าสำหรับงวดเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคมจะออก.
การตัดสินใจของกกพ.ในการเลือกแนวทางการชำระหนี้ของกฟผ.และการปรับอัตราค่าไฟฟ้าจะมีผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ การเลือกที่จะคงอัตราค่าไฟฟ้าเดิมนั้นสะท้อนถึงความพยายามในการรักษาความเสถียรภาพของราคาค่าไฟฟ้าในขณะที่ยังคงจัดการกับหนี้สินที่สูงของกฟผ. ด้วยวิธีที่ไม่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกถึงภาระที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก การรักษาอัตราค่าไฟฟ้าที่เสถียรยังช่วยให้ธุรกิจและอุตสาหกรรมสามารถวางแผนการใช้พลังงานและการเงินของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นและสามารถตอบสนองต่อความท้าทายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิผล.
#ข่าวทั่วไป